วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556



 นี่น่ะค่ะคือวิธีการทำขนมไข่เต่า!!!


                         ขนมไข่เต่ามีส่วนประกอบคือ เนยแข็ง สัปะรดกวน น้ำตาลไอซิ่่ง มีรสชาดหอมหวาน         น่ารับประทานมากๆเลยค้าาาา




ปั้นสับปะรดเป็นก้อนกลมรี 



นำแป้งที่เตรียมไว้มาห่อใส่สับปะรด
แป้งที่ห่อใส่สับปะรดเเล้ว
 นำแป้งที่อบเสร็จมาคลุกกับน้ำตาลไอซิ่ง



ได้ขนมไข่เต่าที่น่ารับประทานเเบบนี้นี่เอง




วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เมื่อสอง สาม อาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเราได้ลงพื้นที่ไปทำขนมมา เชิญชมได้เลยคร้า!!!


                                      ขนมคุ๊กกี้ถั่ว นิยมทำในช่วงเทศกาลอารีรายอในจังหวัดสตูลเป็นขนมที่ทำได้ง่ายใช้เวลาไม่นานในการทำ  ส่วนประกอบที่ใช้ คือ เเป้งสาลี 1 กิโลกรัม น้ำตาลทรายขาว 500 กรัม 500 กรัม เเละน้ำมันพืชประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ


การทำขนมคุ๊กกี้ถั่ว
 นี่คือแป้งที่เรานวดเสร็จแล้ว
การใช้มือกดเเป้งให้บางลงเพื่อใช้เเม่พิมพ์กดเป็นรูปต่างๆ
แป้งที่เราใช้แม่พิมพ์กดเป็นรูปต่างๆ
ใช้พู่กันชุบไข่เเดงมาทาขนมเพื่อให้มีสีสันสวยงาม
นำเข้าเตาอบประมาณ 3-5 นาที
ขนมคุ๊กกี้ถั่วจากฝีมือพวกเราค่ะ น่ากินใช่ไหมล๊ะ??







วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กิน นอน ให้ถูกวิธีคุณก็ผอมได้

กิน นอน ให้ถูกวิธีคุณก็ผอมได้




อาการไขมันเกินและพอกพูนกลายเป็นความอ้วน ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของคนไทยอีกต่อไป หากย้อนมาแก้ที่ต้นเหตุให้ถูกจุด สมดุลที่พอดีก็จะคืนหุ่นสวยๆ ได้ไม่ยากร่างกายคนเรามักเกิดการสะสมของไขมันได้ง่ายหลังอายุขึ้นเลข 3 โดยเฉพาะในผู้หญิงจะพบได้มากกว่าผู้ชาย ตรงบริเวณส่วนต้นขา สะโพก ต้นแขน เนื่องจากหลายสาเหตุเกี่ยวโยงกัน ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนกระทั่งนอนหลับ
 ร่างกายของคนเราและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนต้องพึ่งพาแสงแดด และแสงจันทร์ในการดำรงชีวิต เห็นชัดๆ จากระบบการผลิตฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย จะทำงานตั้งแต่เช้า หากตื่นได้ก่อน 6 โมงเช้า แล้วออกกำลังกายเบาๆ สักครึ่งชั่วโมง ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่มีส่วนกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายจะทำงานได้ดี และยากที่จะเกิดการสะสมของไขมันที่กินเข้าไปพญ.มนวรัตน์ พ่อค้า ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย คลินิกฮาร์โมนี อธิบาย
 ส่วนคนที่ตื่นสายเป็นประจำก็ดูกันไม่ยาก มักมีร่างกายเจ้าเนื้อ เพราะฮอร์โมนดังกล่าวทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร กินเท่าไหร่ก็สะสม ระหว่างวันก็ไม่ค่อยพร้อมที่จะทำกิจกรรมอะไรมากนัก ง่วงนอนง่าย หิวบ่อย ขณะที่คนไหนใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบกินเป็นเวลา นอนเป็นเวลา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่างกายจะตื่นตัวในการใช้ชีวิตมากกว่าคนที่ไม่ดูแลเลย
 ฉะนั้น การปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายให้ทำงานมีประสิทธิภาพ นอกจากตื่นเช้าแล้ว ช่วง 7-8 โมงเช้าก็ควรรับประทานอาหารมื้อเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เนื่องจากจะส่งผลถึงสมองให้ทำงานสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยมื้อหลังเที่ยงไปแล้วก็ให้เลี่ยงเมนูแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต แต่เลือกกินโปรตีนเบาๆ แทน จากนั้นมื้อเย็นก็เลือกกินผักผลไม้เพื่อให้ร่างกายขับถ่ายคล่องในตอนเช้า
              “คนส่วนใหญ่มักเน้นมื้อเย็นให้หนัก เพื่อให้รางวัลชีวิตหลังเหนื่อยกับงานมาทั้งวัน แต่ไม่ออกกำลังกายเลย แถมถามหมอว่า ทำอย่างไรดีจึงจะผอม? คำถามนี้หมอว่า คนที่ถามน่าจะรู้พฤติกรรมการกินอยู่ของตัวเองดีที่สุดว่า มีการใส่ใจหรือถูกละเลยอย่างไรจึงเกิดผลเช่นนั้น เพราะถ้าเพียงถามแต่ไม่ลงมือทำ อีก 10 ปีก็มีแต่จะน้ำหนักเพิ่มแน่ๆคุณหมอกล่าว
 อาหารเป็นปัจจัยทำให้อ้วนได้ 70-80% การออกกำลังกายช่วยเผาผลาญพลังงานที่กินเข้าไปได้แค่ 20% เท่านั้น วิธีที่กินแล้วไม่อ้วน ผู้กินก็ต้องจัดสรรเรื่องเวลาให้เหมาะสม ด้วยการทิ้งช่วงห่างกับการนอนอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้มีเวลาพอที่จะย่อยอาหารได้เสร็จสมบูรณ์และนอนหลับสนิท ไม่ปวดท้องจากการกินมากจนนอนไม่ได้ มื้อเย็นควรกินให้เสร็จก่อน 6 โมงเย็น เพราะขณะที่นอนหลับลำไส้ของเราจะหยุดทำงานไปด้วย คนไหนกินก่อนนอนปริมาณมากๆ ร่างกายจะย่อยไม่ทันและเกิดการหมัก สุดท้ายร่างกายก็ดูดซึมกากอาหารเหล่านั้นกลับเข้ามาหมุนเวียนในร่างกาย จนเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเรื่องการอุดตันอวัยวะต่างๆ ตามมาในอนาคต
       การนอนที่จะได้ประโยชน์นั้น ควรเว้นห่างจากมื้อเย็นไปแล้ว เพื่อให้อวัยวะต่างๆ ได้พักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปิดแสงไฟอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ให้หมด เพื่อให้เกิดความมืดและสมองสั่งการให้ร่างกายหลับ ซึ่งเวลาที่เหมาะสมควรเป็นช่วงก่อน 4 ทุ่ม เพราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินและโกรทฮอร์โมนออกมาซ่อมแซมร่างกาย คงความเยาว์วัยอยู่กับเรานานๆ
       การนอนทำให้ร่างกายได้รับการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ได้ดีที่สุด หมออยากให้ทุกคนหันมาตระหนักเรื่องการใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น ด้วยการปรับไลฟ์สไตล์ ลองตื่นเช้าดู นอนเร็ว ไม่กินดึก เชื่อว่าน้ำหนักของหลายคนที่ทำตามต้องลดแน่ๆ โดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริม หรือคอร์สลดน้ำหนัก ซึ่งระยะยาวหากเจ้าตัวไม่ได้คิดจะปรับพฤติกรรมของตัวเองก็จะกลับมาอ้วนเหมือนเดิมคำแนะนำจากแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แมลงวัน

   


แมลงวัน






                                  ท่านศาสดามูฮัมมัด ได้กล่าวว่า “เมื่อมีแมลงวันได้ตกใส่ภาชนะของพวกท่านคนใดคนหนึ่ง ให้เขากดมันให้จมไปทั้งตัว หลังจากนั้นให้เอาทิ้งไปเพราะปีกข้างหนึ่งจากสองปีกของมันนั้นเป็นยาและปีกอีกข้างหนึ่งของมันเป็นโรค รายงานโดยท่านบุคอรี นะซาอี และท่านอบีดาวูด

       หะดีษนี้นับเป็นหะดีษที่รู้จักกันแพร่หลายมากที่สุด หะดีษหนึ่งในหมู่ชนมุสลิมทำให้เขาได้รู้ว่าแมลงวันนั้นเป็นสัตว์ที่ต้องระวังเพราะมันมีเชื้อโรคหรือสามารถนำโรคมาให้เราได้แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้รู้ด้วยว่าภายในแมลงวันตัวเดียวกันที่นำโรคมาให้มนุษย์นั้นกลับมียาที่จะรักษาโรคนั้นๆรวมอยู่ด้วย

      เนื่องจากมุสลิมเป็นผู้ที่ยอมรับต่อบัญชาของอัลลอฮ์และคำสอนของท่านศาสดามูฮัมมัดอยู่แล้วและพร้อมที่จะปฏิบัติตามได้ทันทีโดยไม่สงสัยในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าและศาสดาของพระอง์บอกเลยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และมันมีเชื้อโรคจริงๆ หรือไม่ ถ้าจริงคืออะไร ชนิดใด และมียารักษาโรคนั้นจริงหรือไม่ ถ้าจริงคือชนิดใดและอยู่ที่ไหน? นั่นแหละคือความศรัทธามั่นของบรรดามุสลิมที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขา
      แต่อย่างไรก็ตามน่าจะเป็นการดีว่า ถ้าเราจะสามารถรู้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันคืออะไรแน่เพราะนี่คือโอกาสทองของบรรดามุสลิมที่ได้รู้คำตอบที่ถูกต้องไว้เรียบร้อยแล้วเหลือเพียงหาสาเหตุที่เป็นจริง ๆ ให้พบเท่านั้น เขาก็สามารถจะรู้ได้โดยง่ายดาย การค้นคว้าในสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพราะเราไม่เชื่อถือในสิ่งที่พระองค์บอกแต่เป็นเพราะเราจะได้ทำตามสิ่งที่พระองค์สั่งเรา อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือการพิจารณาสังเกตสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงสร้างและความมหัศจรรย์ของมันซึ่งจะยิ่งเพิ่มพูนความศรัทธาแก่เราให้มากยิ่งขึ้นและช่วยให้มุสลิมเราได้มีความรู้ความสามารถขึ้นกว่าเดิม แข็งแกร่งกว่าเดิมสามารถที่จะทำให้ศาสนาของพระองค์เป็นที่ยอมรับกันมากยิ่งขึ้นไป การกระทำเช่นนี้จึงเป็นการทำดีต่อพระผู้เป็นเจ้าและศาสนาของเราอีกทางหนึ่ง นอกเหนือไปจากการละหมาด การถือศีลอด การจ่ายซะกาต หรือการทำฮัจย์ก็ตาม สมควรที่พวกเราควรตั้งใจทำกันให้มาก ๆ เพื่อศาสนาของเราเอง
      แมลงวันเป็นสัตย์ที่อยู่คู่กับโลกมานานแล้ว และเป็นที่คุ้นเคยกับคนทั่ว ๆ ไป แต่อย่างไรก็ตามไม่ค่อยได้มีใครรู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันเท่าไรนัก
      แมลงวันบ้าน มีชื่อทางภาษาอังกฤษว่า HOUSE FLY และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Musca domestica จัดเป็นแมลงชนิดหนึ่ง ขนาดเล็ก ประกอบด้วย สามส่วนคือ ส่วนที่หนึ่งคือส่วนหัว (Head) ซึ่งจะมีปากไว้ดูดอาหารได้ ส่วนที่สองคือส่วนอก (Thorax) จะประกอบด้วยปล้องสามปล้องและมีขาคู่หนึ่งออกมาในแต่ละปล้อง จึงมีขางอกออกมาทั้งหมดหกขาและปีกสองปีกอยู่เหนือขาปล้องกลาง ส่วนที่สามคือส่วนท้องหรือลำตัว (Abdomen) ซึ่งจะมีกระเพาะอาหาร ลำไส้ และระบบย่อยอาหารอยู่ภายในด้านข้างของลำตัวจะมีท่าหายใจโผล่ออกมาเป็นแถว ๆ ท่อที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่บริเวณส่วนอกใต้ปีกสองข้าง ส่วนท่อเล็ก ๆ อื่น ๆ อยู่บริเวณท้อง ตัวโตเต็มวัยจะมีชีวิตประมาณ 17-29 วัน

      จากการศึกษาพบว่าส่วนมากแล้วแมลงวันจะมีเชื้อโรคติดอยู่ตามขาทั้งหกข้างและปีกทั้งสองข้างของมัน เนื่องจากชอบอยู่ในที่สกปรกและขามันมีลักษณะเป็นขน ๆ เชื้อโรคจึงติดไปกับมันโดยง่าย
      แต่ก็เป็นที่น่าแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งเช่นกันว่า เชื้อโรคเหล่านี้ไม่ได้อยู่ตลอดไปมันจะอยู่ไม่นานแล้วหายไปหมด เช่น B enteritides ที่ทำให้เกิดลำไล้อักเสบหรือโรคท้องร่วงจะอยู่ได้ไม่เกินเจ็ดวัน B typhosus ต้นเหตุของโรคไข้ไทฟอยด์อยู่ได้ไม่เกิน 6 วัน V cholera ที่ทำให้เกิดโรคอหิวาต์อยู่ได้ไม่เกิน 2 วัน หลังจากนั้นมันก็จะหายไปหมดโดยไม่มีเชื้อโรคใด ๆ หลงเหลืออยู่ นอกจากเชื้อที่อยู่เป็นปกติในลำไส้เท่านั้น
      นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าต่อมาจนพบว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะในลำไส้ของแมลงวันมีไวรัสชนิดหนึ่งอาศัยอยู่และไวรัสชนิดนี้เองที่เป็นตัวจับแบคทีเรียทั้งหมดนี้ และปล่อยดีเอ็นเอของมันเข้าไปในเซลล์เชื้อโรคเหล่านี้จึงต้องผลิตแต่ตัวไวรัสชนิดนี้ออกมาจนตัวเชื้อโรคเองต้องแตกออกและตายไปในที่สุด

      ไวรัสชนิดนี้จึงมีชื่อว่าแบคเทริโอเฟจ (Bacteriophage) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า เฟจ (Phage) แปลว่าผู้ฆ่าแบคทีเรียนั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่รู้จักกันดีและได้ถูกใช้นำมาฆ่าเชื้อโรคที่ทำอันตรายมนุษย์เป็นเวลาช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นอเล็กซานเดอร์เฟลมมิง คิดค้นยาปฏิชีวนะคือยาเพนิซิลลินขึ้นมาได้เป็นครั้งแรก ก็เลยทำให้แบคเทริโอเฟจ ค่อย ๆ เสื่อมความนิยมลงไปและไม่ค่อยมีการค้นคว้าเกี่ยวกับมันอีก นอกจากในประเทศรัสเซียซึ่งยังมีการค้นคว้ากันอยู่
      นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อาศัยร่วมในลำไส้ของแมลงวันแต่ไม่ทำอันตรายแมลงวันนั้นก็มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคด้วยเช่นเดียวกัน โดยเป็นพวกเชื้อราบางชนิดเขาเรียกพวกนี้ว่า ไมโครไบโอตา (Microbiota) ซึ่งหมายถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ๆ นั่นเอง

      วิธีการฆ่าตัวเชื้อโรคของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็โดยการไหลออกมาตามท่าหายในที่อยู่ข้างลำตัวมั่นนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าหายในที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ตรงบริเวณหน้าอกใต้ปีกของแมลงวันเอง
      เมื่อแมลงวันถูกกดให้จมน้ำมันจะสำลักและขย้อนเอาของที่อยู่ในลำไส้ของมันออกมาซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ แบคเทริโอเฟจและในขณะเดียวกันก็ยังมีไมโครไบโอตา ที่ถูกขับออกมาทางท่อหายใจออกมาฆ่าเชื้อโรคด้วย

      ดังนั้นการที่แมลงวันตกลงไปในน้ำ จึงทำให้น้ำนั้นมีเชื้อโรคแต่เมื่อกดแมลงวันนั้นให้จม สารกำจัดโรคก็จะออกมาฆ่าเชื้อโรคเหล่านั้นได้ และสารนั้นก็อยู่บริเวณโคนปีกของแมลงวันนั่นเอง สมจริงดังคำบอกเล่าของท่านศาสดาที่กล่าวไว้เมื่อพันสี่ร้อยปีก่อน ทั้ง ๆ ที่ในสมัยนั้นยังไม่มีใครรู้จักตัวเชื้อโรคและแน่นอนไม่มีใครรู้จักสารฆ่าเชื้อโรคด้วยซ้ำไป แม้แต่วิทยาการสมัยใหม่ก็เพิ่งรู้จักมันเมื่อประมาณร้อยกว่าปีมานี่เอง


      สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีของการมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้ทรงรู้ในสิ่งที่มนุษย์ไม่รู้และคำสอนของศาสดาของพระองค์นั้นก็สมจริงและมีประโยชน์ยิ่งต่อบรรดาผู้ศรัทธาและทำตามพระองค์ เราทั้งหมดจึงควรทำตามที่พระองค์สั่งสอนให้ทุก ๆ อย่าง ทั้งนี้เพื่อความสุขอันสถาพรทั้งในโลกนี้และในโลกหน้าตลอดไป วัสลามฯ

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โรคมีเนีย menier’s disease





โรคมีเนีย menier’s disease





ลัยลา เป็นหญิงอายุ 48 ปี อาชีพรับราชการ เธอสังเกตว่ามีเสียงดังในหูด้านขวาเหมือนจักจั่นหรือจิ้งหรีดร้องมานานประมาณ 1 เดือน วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังนั่งคุยกับเพื่อนร่วมงาน เธอมีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน เหงือออกและหูอื้อ ขณะที่เธอมีอาการเวียนศีรษะ เธอรู้สึกคล้ายกับว่ามีแรงดันอยู่ภายในหูด้านขวาด้วย เธอจึงไปพบแพทย์ทางด้านหู คอ จมูก ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

หลังจากได้รับการซักประวัติและตรวจร่างกายแล้ว แพทย์กล่าวว่า “คุณเป็นโรคมีเนีย (menier’s disease) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่อาจพบได้ในคนที่เป็นโรคซิฟิลิสและคนที่เป็นโรคหูหนวก โดยอาจจะเป็นที่หูข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ แต่ระยะแรกอาจจะเป็นที่หูข้างใดข้างหนึ่งก่อน แต่เมื่อเป็นนานๆ จะมีโอกาสให้หูอีกข้างหนึ่งเป็นร่วมด้วย
สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการที่ของเหลวซึ่งอยู่ภายในของเยื่อหุ้มหูชั้นใน ในส่วนที่มีลักษณะคล้ายก้นหอยทำหน้าที่รับเสียงและส่วนอวัยวะรูปเกือกม้า 3 อัน ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัวมีของเหลวคั่งมาก การไหลเวียนจึงไม่สะดวก ทำให้เกิดแรงดันในหูชั้นในเพิ่มขึ้น จนไปขัดขวางการทำงานของกระแสประสาทที่เกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัว จึงสูญเสียการได้ยินและความสมดุลย์ ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ยิ่งแรงดันเพิ่มสูงมากขึ้นเท่าใด ยิ่งทำให้หูข้างที่เป็นมีอาการเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าเป็นเพียงชั่วคราวจะสามารถกลับมาได้ยินเสียงตามปกติได้ แต่ถ้าเป็นบ่อยๆ และเป็นนานๆ จะเกิดอาการหูอื้ออย่างถาวร จนกระทั้งหูหนวกไปเลยก็ได้
ลัยลาถามแพทย์ว่า “หูมีกี่ชั้นค่ะและถ้าจะให้หายขาดจากการเป็นโรคนี้จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างคะ แพทย์ตอบว่า หูประกอบด้วย หูชั้นนอก หูชั้นกลาง และหูชั้นใน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ส่วนที่เป็นกระดูก และส่วนทีเป็นเยื่อหุ้มภายในโดยส่วนที่เป็นกระดูกห่อหุ้มส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายในซึ่งมีของเหลวอยู่ การเกิดโรคมีเนียเกิดจากของเหลวอยู่ซึ่งอยู่ภายในคั่งมาก เกิดการไหลเวียนไม่สะดวกจึงมีแรงดันเพิ่มสูงมากขึ้น ดังนั้นหมอจะให้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดการบวมและคั่งของน้ำในหูชั้นใน ให้ยาลดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ให้ยากล่อมประสาทและยานอนหลับเพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สามารถนอนหลับได้เป็นปกติและให้ยาขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยลดอาการบวมและคั่งของน้ำในหูชั้นในเพื่อการรักษาโรคนี้ อย่างไรก็ตามยังคงมีความสำคัญในการปฏิบัติตัวเพื่อลดอาการของโรคโดยจะต้องลดอาหารเค็ม งดชา กาแฟ สุรา บุหรี่ ลดภาวะเครียด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีคลายเครียด 



           
                ไลลาเป็นหญิงอายุ 35 ปี ทำงานในรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง เธอมีอาการเครียดมาก ท้องเสีย และอ่อนเพลีย  เนื่องจากเธอได้มีปากเสียงกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงานบ่อย เธอจึงไปโรงพยาบาลเพื่อขอรับน้ำเกลือเข้าทางหลอดเลือด หลังจากได้รับการซักประวัติและตรวจร่างกายแล้ว  แพทย์กล่าวว่า คุณกำลังผจญกับความเครียด ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็น ๆ หาย ๆ จะกลายเป็นโรคเครียด
 
          เมื่อเกิดภาวะเครียด ร่างกายและจิตใจย่อมอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อม 2 แบบ คือ แบบหนีหรือแบบสู้ เนื่องจากสมองได้ส่งสัญญาณให้ต่อมหมวกไต หลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียด ชื่อ อะดรีนาลีน ออกมาในช่วงสั้น ๆ เพื่อเตรียมต่อสู้หรือหนี  โดยฮอร์โมนจะทำให้ตับเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลออกสู่กระแสเลือดทำให้หัวใจเต้นแรง  หลอดเลือดบีบตัว  ความดันเลือดสูงขึ้น  แต่ถ้าเครียดอยู่ตลอดเวลา ภูมิคุ้มกันโรคจะลดลง ทำให้เป็นภูมิแพ้ เป็นหวัด เจ็บป่วยบ่อย มีผืนคัน ลมพิษ ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ  ปวดหลัง ปวดเสียดในท้อง  เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ  ท้องผูกสลับกับท้องเดิน  นอนไม่หลับ ชอบขบฟันกัดฟัน  ขากรรไกรแข็ง เป็นโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูงได้
 
          แต่อาการอาการเครียดที่คุณกำลังเป็นอยู่นั้นเป็นช่วงสั้น ๆ ร่างกายจึงยังไม่ผิดปกติมากนัก  จะขอแนะนำให้ใช้วิธีคลายเครียด ซึ่งมีอยู่หลายวิธี  ได้แก่  พยายามทบทวนปัญหา ขบคิด หาลู่ทางแก้ไข แบ่งเวลาในการทำงานไม่ให้มีกิจกรรมแน่นมากเกินไป เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์เฉพาะหน้า  มีเอกสารและของใช้สำรองไว้เผื่อหาย  ขจัดปัญหาหนี้สินในครอบครัวให้หมดไป รับประทานอาหารให้เป็นเวลา รับประทานอาหารประเภทผักให้มากกว่าเนื้อสัตว์  บริหารร่างกายด้วยการเดินเร็ว ๆ  วันละ 20 นาที  สัปดาห์ละ 3 ครั้ง บริหารกล้ามเนื้อคอ 10 ครั้ง โดยหายใจเข้าออก ลึก ๆ ช้า ๆ จนอากาศเต็มปอด ก้มศีรษะมาด้านหน้า  ผ่อนลมหายใจออก แหงนหน้าทิ้งศีรษะไปด้านหลัง เอียงศีรษะมาชิดกับหัวไหล่ด้านขวาและซ้ายตามลำดับ
 
          ส่วนการบริหารกล้ามเนื้อศีรษะนั้นให้ก้มศีรษะมาด้านหน้าช้า ๆ โดยใช้คอเป็นแกนกลาง หมุนศีรษะไปตามเข็มนาฬิกา 3 ครั้ง ขณะที่เริ่มหมุนศีรษะให้หายใจเข้าให้เต็มที่และกลั้นไว้ จนเมื่อหันหน้ากลับมาที่เดิม  จึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่าง ช้า ๆ  ท่านี้ไม่ควรทำสำหรับคนที่มีปัญหาการทรงตัวหรือความผิดปกติทางหู และที่สำคัญจะต้องมีจิตใจที่สงบด้วยการปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วน”  ไลลา นำท่าบริหารคอและศีรษะมาใช้และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ทุกประการ เธอจึงมีอาการดีขึ้นตามลำดับ


วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ดอกเบี้ยกับซะกาต


ดอกเบี้ยกับซะกาต





         
ในระบบทุนนิยมที่วางพื้นฐานอยู่บนระบบดอกเบี้ยและมีกำไรเป็นแรงจูงใจในการทำธุรกิจ หากนักธุรกิจคิดจะลงทุนทำอะไรสักอย่างหนึ่ง นักธุรกิจก็จะต้องนำปัจจัยทั้งสองมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจสำหรับคนที่มีเงินทุนเป็นของตนเอง ถ้ากำไรที่ได้ต่ำกว่าหรือเท่ากับดอกเบี้ยเขาก็จะไม่ลงทุนถึงแม้ว่าโครงการนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมก็ตามเพราะถ้าเขาเอาเงินฝากธนาคารเขาก็จะได้ดอกเบี้ยตอบแทนโดยไม่ต้องเหนื่อยและไม่ต้องเสี่ยง ยิ่งถ้าต้องไปกู้ด้วยแล้วไม่จำเป็นต้องพูดถึง เมื่อเป็นเช่นนี้การลงทุนก็ไม่เกิดขึ้นในสังคม เมื่อไม่มีการลงทุนก็ย่อมไม่มีการจ้างงาน ไม่มีการกระจายรายได้และไม่มีการเจริญเติบโตเป็นธรรมดา
 
          ดังนั้นถ้าหากว่าจะมีการลงทุนนักธุรกิจก็จะต้องบวกกำไรให้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ย ราคาสินค้าก็จะสูงเพราะมีดอกเบี้ยเป็นต้นทุนอยู่ด้วย คนที่รับภาระจ่ายดอกเบี้ยก็คือผู้บริโภคซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากคนจนที่ไม่มีเงินฝากในธนาคาร แต่คนที่ได้เปรียบก็คือคนที่มีเงินล้านฝากเพื่อกินดอกเบี้ยอยู่ในธนาคาร

         
ในระบบดอกเบี้ยถ้าหากใครมีเงินฝากอยู่ในธนาคาร 10 ล้านบาท ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
8 %
ภายในหนึ่งปีคนผู้นั้นก็จะมีรายได้จากดอกเบี้ย 8 แสนบาท โดยไม่ต้องทำงานและไม่ต้องเสี่ยงใดๆ เงินจำนวนนี้มาจากนักธุรกิจและผู้บริโภคที่ต้องดิ้นรนหามาให้เขาผ่านทางระบบธนาคาร เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงคนเหล่านี้จะสูญเสียรายได้จากดอกเบี้ยและจะออกมาร้องเอะอะโวยวายและเนื่องจากคนที่ร่ำรวยมั่งคั่งมักจะมีอิทธิพลทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงต้องหาทางช่วยคนพวกนี้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การขายพันธบัตรที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเป็นต้น แต่ในที่สุดแล้วดอกเบี้ยที่นำมาจ่ายให้เจ้าของพันธบัตรก็คือภาษีจากประชาชนนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ระบบดอกเบี้ยจึงเป็นระบบที่เอาเปรียบและกดขี่ขูดรีดคนยากจน

         
หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรปในศตวรรษที่ 19 ระบบทุนนิยมได้ถ่างช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้กว้างมากขึ้น ประชาชนในหลายประเทศได้เห็นความไม่เป็นธรรมดังกล่าวจึงได้ร่วมกันลุกขึ้นปฏิวัติหรือไม่ก็ยึดกิจการของเอกชนเข้าเป็นของรัฐและนำเอาระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์เข้ามาใช้แทนระบบทุนนิยมโดยหวังว่าระบบนี้จะเป็นยาขนานเอกที่ช่วยเยียวยารักษาความเจ็บปวดจากการถูกกดขี่ขูดรีดในระบบทุนนิยมได้ แต่ในศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา กาลเวลาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าลัทธิคอมมิวนิสต์เองนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้สังคมได้รับความเป็นธรรมตามอุดมการณ์จริงๆ แล้วยังทำให้ชาวโลกนับร้อยนับพันล้านคนในประเทศต่างๆ ต้องรับการกดขี่ขูดรีดและต้องล้มตายลงไปจากการช่วงชิงอำนาจการเมืองกันเองในหมู่ผู้นำและการต่อสู้กับระบบทุนนิยม จนในปัจจุบันนี้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ได้ผ่อนคลายหลักการและท่าทีของตนเองลงไปมากหรือในบางประเทศก็เลิกใช้อุดมการณ์นี้ไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงเหลือทิ้งไว้จากการต่อสู้ของสองอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกันก็คือความไม่เป็นธรรมทางสังคมอีกนั่นเอง

อิสลาม : ทางเลือกที่สันติและเป็นธรรม
         
เพื่อขจัดความขัดแย้งทางสังคมและเพื่อสร้างความเป็นธรรมขึ้นในระบบเศรษฐกิจอิสลามได้เสนอเสรีภาพในการประกอบอาชีพและการแสวงหากำไรให้แก่มนุษย์ในขณะทีระบบคอมมิวนิสต์ไม่เปิดโอกาสให้ ขณะเดียวกันอิสลามก็เสนอให้ทำลายระบบดอกเบี้ยซึ่งเป็นรากเง่าของการกดขี่ขูดรีดในระบบทุนนิยมเสียเพื่อมิให้คนมั่งคั่งร่ำรวยได้เปรียบคนยากจน โดยไม่ต้องออกแรงทำงานนอกจากนี้แล้วอิสลามยังกำหนดไว้อีกว่าหากในแต่ละปีใครมีทรัพย์สิน เช่น เงิน ทองคำ หุ้น และสินค้ามูลค่าเท่ากับราคาทองคำหนัก 5.6 บาท ขึ้นไปจะต้องจ่าย 2.5 % ของทรัพย์สินดังกล่าวเป็นซะกาตแก่บุคคล 8 ประเภท ที่ศาสนากำหนดไว้ เช่น คนยากจน คนขัดสน คนมีหนี้สิน เป็นต้น

         
ดังนั้นหากมุสลิมคนใดมีเงินฝากธนาคารสมมุติว่า 10 ล้านบาท เพื่อเอาดอกเบี้ยไปกินไปใช้เป็นการส่วนตัวนั่นก็หมายความว่าเขายอมรับบาปที่หนักเท่ากับการผิดประเวณีกับแม่ของตัวเอง นอกจากจะรับดอกเบี้ยไม่ได้แล้วเขายังมีหน้าที่ทางศาสนาที่จะต้องจ่ายซะกาตอีก 2.5 % ทุกปีด้วย
 
          ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอยผู้คนจะจับจ่ายใช้สอยกันน้อยลง จึงไม่มีใครคิดที่จะลงทุนเพราะความเสี่ยงสูงถึงแม้ดอกเบี้ยจะต่ำก็ตามที่ ดังนั้นเศรษฐกิจที่ถดถอยอยู่แล้วก็ยิ่งถดถอยหนักยิ่งขึ้นและในระบบทุนนิยมนั้นไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะผลักดันเงินของเศรษฐีที่นอนอยู่เฉยๆ ให้ออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่ในอิสลามข้อกำหนดเรื่องการจ่ายซะกาตนี้จะผลักดันให้เงินออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพราะถ้าหากใครเก็บเงินไว้เฉยๆ โดยไม่นำออกมาหารายได้ให้เพิ่มพูนขึ้น ซะกาตก็จะกินทรัพย์สินของเขาไปปีละ 2.5 % ทุกปี ดังนั้นถ้าหากมีการลงทุนใดๆ ที่จะให้กำไร 2.5 % ขึ้นไป เขาก็จะนำเงินออกมาลงทุนเพื่อให้มีรายได้เข้ามาชดเชยซะกาตที่เขาจะต้องจ่าย ด้วยเหตุนี้ในระบบอิสลามซะกาตจึงเป็นกลไกอันหนึ่งที่จะผลักดันเงินที่ออมอยู่นิ่งๆของคนที่มั่งมีออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลา

         
ระบบเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะผลักดันความมั่งคั่งของคนมั่งมีให้ออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ ภาษีมรดกและภาษีทรัพย์สินก็เป็นฝันที่ค้างกันมานับยี่สิบปี ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลทำได้ก็คือการไปกู้เงินจากต่างประเทศหรือกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศเข้ามาอัดฉีดลงไปในระบบเศรษฐกิจ แต่ผลที่ตามมาก็คือรัฐบาลต้องมีหนี้สินมากขึ้นและคนที่ต้องชำระหนี้สินก็คือประชาชนผู้จ่ายภาษีอีกนั่นเองไม่ใช่เศรษฐี