วิธีคลายเครียด 
                ไลลาเป็นหญิงอายุ 35
ปี ทำงานในรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง เธอมีอาการเครียดมาก ท้องเสีย
และอ่อนเพลีย  เนื่องจากเธอได้มีปากเสียงกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงานบ่อย
เธอจึงไปโรงพยาบาลเพื่อขอรับน้ำเกลือเข้าทางหลอดเลือด หลังจากได้รับการซักประวัติและตรวจร่างกายแล้ว 
แพทย์กล่าวว่า “คุณกำลังผจญกับความเครียด
ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็น ๆ หาย ๆ จะกลายเป็นโรคเครียด
          เมื่อเกิดภาวะเครียด
ร่างกายและจิตใจย่อมอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อม 2 แบบ
คือ แบบหนีหรือแบบสู้ เนื่องจากสมองได้ส่งสัญญาณให้ต่อมหมวกไต หลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียด
ชื่อ อะดรีนาลีน ออกมาในช่วงสั้น
ๆ เพื่อเตรียมต่อสู้หรือหนี  โดยฮอร์โมนจะทำให้ตับเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลออกสู่กระแสเลือดทำให้หัวใจเต้นแรง 
หลอดเลือดบีบตัว  ความดันเลือดสูงขึ้น  แต่ถ้าเครียดอยู่ตลอดเวลา
ภูมิคุ้มกันโรคจะลดลง ทำให้เป็นภูมิแพ้ เป็นหวัด เจ็บป่วยบ่อย
มีผืนคัน ลมพิษ ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ  ปวดหลัง
ปวดเสียดในท้อง  เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ 
ท้องผูกสลับกับท้องเดิน  นอนไม่หลับ
ชอบขบฟันกัดฟัน  ขากรรไกรแข็ง
เป็นโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูงได้
 
          แต่อาการอาการเครียดที่คุณกำลังเป็นอยู่นั้นเป็นช่วงสั้น
ๆ ร่างกายจึงยังไม่ผิดปกติมากนัก  จะขอแนะนำให้ใช้วิธีคลายเครียด
ซึ่งมีอยู่หลายวิธี  ได้แก่  พยายามทบทวนปัญหา
ขบคิด หาลู่ทางแก้ไข แบ่งเวลาในการทำงานไม่ให้มีกิจกรรมแน่นมากเกินไป
เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์เฉพาะหน้า  มีเอกสารและของใช้สำรองไว้เผื่อหาย 
ขจัดปัญหาหนี้สินในครอบครัวให้หมดไป รับประทานอาหารให้เป็นเวลา
รับประทานอาหารประเภทผักให้มากกว่าเนื้อสัตว์  บริหารร่างกายด้วยการเดินเร็ว
ๆ  วันละ 20 นาที 
สัปดาห์ละ 3 ครั้ง บริหารกล้ามเนื้อคอ 10
ครั้ง โดยหายใจเข้าออก ลึก ๆ ช้า ๆ จนอากาศเต็มปอด
ก้มศีรษะมาด้านหน้า  ผ่อนลมหายใจออก
แหงนหน้าทิ้งศีรษะไปด้านหลัง เอียงศีรษะมาชิดกับหัวไหล่ด้านขวาและซ้ายตามลำดับ
 
          ส่วนการบริหารกล้ามเนื้อศีรษะนั้นให้ก้มศีรษะมาด้านหน้าช้า
ๆ โดยใช้คอเป็นแกนกลาง หมุนศีรษะไปตามเข็มนาฬิกา 3 ครั้ง
ขณะที่เริ่มหมุนศีรษะให้หายใจเข้าให้เต็มที่และกลั้นไว้
จนเมื่อหันหน้ากลับมาที่เดิม  จึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่าง
ช้า ๆ  ท่านี้ไม่ควรทำสำหรับคนที่มีปัญหาการทรงตัวหรือความผิดปกติทางหู
และที่สำคัญจะต้องมีจิตใจที่สงบด้วยการปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วน”  ไลลา
นำท่าบริหารคอและศีรษะมาใช้และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ทุกประการ
เธอจึงมีอาการดีขึ้นตามลำดับ
