วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

นาซาพบดาวเคราะห์


         
นาซา พบดาวเคราะห์ใหม่ เหมือนโลกมากที่สุด เชื่อมีมนุษย์ต่างดาวอยู่

         
       นาซาพบดาวเคราะห์ "กลิส 581 จี" สภาพแวดล้อมเหมือนโลก "มากที่สุด" ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ดวงจันทร์ "ไตตัน" ของดาวเสาร์ มีสภาพเหมาะสม อาจมีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่... สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 26 พ.ย. ว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์จากองค์การการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) ค้นพบดาวเคราะห์ดวงล่าสุด ชื่อว่า "กลิส 581 จี" มีสภาพแวดล้อมเหมือนโลก "มากที่สุด" เท่าที่เคยค้นพบมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ กลิส 581 จี อยู่ห่างออกไปราว 123 แส้นล้านไมล์ พบในกลุ่มดาวตราชั่ง ขนาดใหญ่กว่าโลก 3-4 เท่า ใช้เวลาโคจรเป็นเวลา 37 วัน นอกจากนี้ยังอาจมีของเหลว หรือแหล่งน้ำอยู่บนพื้นผิวด้วย การค้นพบครั้งล่าสุดนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตการณ์ดาวเคราะห์ดวงดังกล่าวมาร่วม 11 ปีแล้ว และได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารแอสโตรฟิสิคอลด้วย ขณะที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่า "ไตตัน" ดวงจันทร์ของดาวเสาร์ มีสภาพเหมาะสม อาจเอื้อให้สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงอยู่ได้ และอาจมีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่.

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

ธนาคารเวลา

ธนาคารเวลา





   บทความนี้ เมื่อท่านอ่านจบ ให้ถามตัวเองว่า
สิ่งไหนที่สำคัญ สิ่งนั้นทำแล้วหรือยัง ? ”      ” คนไหนที่เรารัก ทำดีกับเค้าแล้วหรือยัง ? ”
ลองจินตนาการว่ามีธนาคารแห่งหนึ่งเข้าบัญชีให้คุณทุกเช้า เป็นเงิน 86,400 บาท ไม่มีการยกยอดคงเหลือไปวันรุ่งขึ้น
ทุกตอนเย็นจะลบยอดคงเหลือทั้งหมดที่คุณไม่ได้ใช้ระหว่างวัน  คุณจะทำอย่างไร? แน่นอนที่สุดคุณต้องถอนมาใช้ทุกบาททุกสตางค์ ใช่ไหม!!! เราทุกคนมีธนาคารอย่างนั้นเหมือนกัน ธนาคารแห่งนี้ชื่อว่า เวลามันเข้าบัญชีให้คุณ 86,400 วินาที ทุกคืนมันจะถูกล้างบัญชีถือว่าขาดทุนตามจำนวนที่คุณพลาดโอกาสที่จะลงทุนในสิ่งดีๆ มันไม่สะสมยอดคงเหลือ
ไม่ให้เบิกเกินบัญชี ในแต่ละวันจะเปิดบัญชีใหม่ให้คุณ ทุกค่ำคืนจะลบยอดคงเหลือของทั้งวันออกหมด ถ้าคุณเสียโอกาสที่จะใช้ประโยชน์ในระหว่างวัน ผลขาดทุนเป็นของคุณ ไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้ไม่มีการถอนของ วันพรุ่งนี้มาใช้ได้ คุณต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันด้วยยอดเงินฝากของวันนี้ให้ลงทุนจากเงินฝากเหล่านี้เพื่อได้ผลตอบแทนมาสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อสุขภาพ ความสุข และความสำเร็จ! นาฬิกากำลังเดิน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด  ทำทุกขณะที่คุณมีให้มีคุณค่า! และจำไว้เสมอว่าเวลาไม่คอยใครแม้สักคนเดียว เมื่อวานเป็นอดีต   พรุ่งนี้ยังยากที่จะอธิบาย วันนี้เป็นของขวัญ เราจึงเรียกว่า “Present

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556



 นี่น่ะค่ะคือวิธีการทำขนมไข่เต่า!!!


                         ขนมไข่เต่ามีส่วนประกอบคือ เนยแข็ง สัปะรดกวน น้ำตาลไอซิ่่ง มีรสชาดหอมหวาน         น่ารับประทานมากๆเลยค้าาาา




ปั้นสับปะรดเป็นก้อนกลมรี 



นำแป้งที่เตรียมไว้มาห่อใส่สับปะรด
แป้งที่ห่อใส่สับปะรดเเล้ว
 นำแป้งที่อบเสร็จมาคลุกกับน้ำตาลไอซิ่ง



ได้ขนมไข่เต่าที่น่ารับประทานเเบบนี้นี่เอง




วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เมื่อสอง สาม อาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเราได้ลงพื้นที่ไปทำขนมมา เชิญชมได้เลยคร้า!!!


                                      ขนมคุ๊กกี้ถั่ว นิยมทำในช่วงเทศกาลอารีรายอในจังหวัดสตูลเป็นขนมที่ทำได้ง่ายใช้เวลาไม่นานในการทำ  ส่วนประกอบที่ใช้ คือ เเป้งสาลี 1 กิโลกรัม น้ำตาลทรายขาว 500 กรัม 500 กรัม เเละน้ำมันพืชประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ


การทำขนมคุ๊กกี้ถั่ว
 นี่คือแป้งที่เรานวดเสร็จแล้ว
การใช้มือกดเเป้งให้บางลงเพื่อใช้เเม่พิมพ์กดเป็นรูปต่างๆ
แป้งที่เราใช้แม่พิมพ์กดเป็นรูปต่างๆ
ใช้พู่กันชุบไข่เเดงมาทาขนมเพื่อให้มีสีสันสวยงาม
นำเข้าเตาอบประมาณ 3-5 นาที
ขนมคุ๊กกี้ถั่วจากฝีมือพวกเราค่ะ น่ากินใช่ไหมล๊ะ??







วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กิน นอน ให้ถูกวิธีคุณก็ผอมได้

กิน นอน ให้ถูกวิธีคุณก็ผอมได้




อาการไขมันเกินและพอกพูนกลายเป็นความอ้วน ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของคนไทยอีกต่อไป หากย้อนมาแก้ที่ต้นเหตุให้ถูกจุด สมดุลที่พอดีก็จะคืนหุ่นสวยๆ ได้ไม่ยากร่างกายคนเรามักเกิดการสะสมของไขมันได้ง่ายหลังอายุขึ้นเลข 3 โดยเฉพาะในผู้หญิงจะพบได้มากกว่าผู้ชาย ตรงบริเวณส่วนต้นขา สะโพก ต้นแขน เนื่องจากหลายสาเหตุเกี่ยวโยงกัน ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนกระทั่งนอนหลับ
 ร่างกายของคนเราและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนต้องพึ่งพาแสงแดด และแสงจันทร์ในการดำรงชีวิต เห็นชัดๆ จากระบบการผลิตฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย จะทำงานตั้งแต่เช้า หากตื่นได้ก่อน 6 โมงเช้า แล้วออกกำลังกายเบาๆ สักครึ่งชั่วโมง ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่มีส่วนกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายจะทำงานได้ดี และยากที่จะเกิดการสะสมของไขมันที่กินเข้าไปพญ.มนวรัตน์ พ่อค้า ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย คลินิกฮาร์โมนี อธิบาย
 ส่วนคนที่ตื่นสายเป็นประจำก็ดูกันไม่ยาก มักมีร่างกายเจ้าเนื้อ เพราะฮอร์โมนดังกล่าวทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร กินเท่าไหร่ก็สะสม ระหว่างวันก็ไม่ค่อยพร้อมที่จะทำกิจกรรมอะไรมากนัก ง่วงนอนง่าย หิวบ่อย ขณะที่คนไหนใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบกินเป็นเวลา นอนเป็นเวลา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่างกายจะตื่นตัวในการใช้ชีวิตมากกว่าคนที่ไม่ดูแลเลย
 ฉะนั้น การปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายให้ทำงานมีประสิทธิภาพ นอกจากตื่นเช้าแล้ว ช่วง 7-8 โมงเช้าก็ควรรับประทานอาหารมื้อเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เนื่องจากจะส่งผลถึงสมองให้ทำงานสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยมื้อหลังเที่ยงไปแล้วก็ให้เลี่ยงเมนูแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต แต่เลือกกินโปรตีนเบาๆ แทน จากนั้นมื้อเย็นก็เลือกกินผักผลไม้เพื่อให้ร่างกายขับถ่ายคล่องในตอนเช้า
              “คนส่วนใหญ่มักเน้นมื้อเย็นให้หนัก เพื่อให้รางวัลชีวิตหลังเหนื่อยกับงานมาทั้งวัน แต่ไม่ออกกำลังกายเลย แถมถามหมอว่า ทำอย่างไรดีจึงจะผอม? คำถามนี้หมอว่า คนที่ถามน่าจะรู้พฤติกรรมการกินอยู่ของตัวเองดีที่สุดว่า มีการใส่ใจหรือถูกละเลยอย่างไรจึงเกิดผลเช่นนั้น เพราะถ้าเพียงถามแต่ไม่ลงมือทำ อีก 10 ปีก็มีแต่จะน้ำหนักเพิ่มแน่ๆคุณหมอกล่าว
 อาหารเป็นปัจจัยทำให้อ้วนได้ 70-80% การออกกำลังกายช่วยเผาผลาญพลังงานที่กินเข้าไปได้แค่ 20% เท่านั้น วิธีที่กินแล้วไม่อ้วน ผู้กินก็ต้องจัดสรรเรื่องเวลาให้เหมาะสม ด้วยการทิ้งช่วงห่างกับการนอนอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้มีเวลาพอที่จะย่อยอาหารได้เสร็จสมบูรณ์และนอนหลับสนิท ไม่ปวดท้องจากการกินมากจนนอนไม่ได้ มื้อเย็นควรกินให้เสร็จก่อน 6 โมงเย็น เพราะขณะที่นอนหลับลำไส้ของเราจะหยุดทำงานไปด้วย คนไหนกินก่อนนอนปริมาณมากๆ ร่างกายจะย่อยไม่ทันและเกิดการหมัก สุดท้ายร่างกายก็ดูดซึมกากอาหารเหล่านั้นกลับเข้ามาหมุนเวียนในร่างกาย จนเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเรื่องการอุดตันอวัยวะต่างๆ ตามมาในอนาคต
       การนอนที่จะได้ประโยชน์นั้น ควรเว้นห่างจากมื้อเย็นไปแล้ว เพื่อให้อวัยวะต่างๆ ได้พักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปิดแสงไฟอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ ให้หมด เพื่อให้เกิดความมืดและสมองสั่งการให้ร่างกายหลับ ซึ่งเวลาที่เหมาะสมควรเป็นช่วงก่อน 4 ทุ่ม เพราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินและโกรทฮอร์โมนออกมาซ่อมแซมร่างกาย คงความเยาว์วัยอยู่กับเรานานๆ
       การนอนทำให้ร่างกายได้รับการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ได้ดีที่สุด หมออยากให้ทุกคนหันมาตระหนักเรื่องการใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น ด้วยการปรับไลฟ์สไตล์ ลองตื่นเช้าดู นอนเร็ว ไม่กินดึก เชื่อว่าน้ำหนักของหลายคนที่ทำตามต้องลดแน่ๆ โดยไม่ต้องพึ่งอาหารเสริม หรือคอร์สลดน้ำหนัก ซึ่งระยะยาวหากเจ้าตัวไม่ได้คิดจะปรับพฤติกรรมของตัวเองก็จะกลับมาอ้วนเหมือนเดิมคำแนะนำจากแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แมลงวัน

   


แมลงวัน






                                  ท่านศาสดามูฮัมมัด ได้กล่าวว่า “เมื่อมีแมลงวันได้ตกใส่ภาชนะของพวกท่านคนใดคนหนึ่ง ให้เขากดมันให้จมไปทั้งตัว หลังจากนั้นให้เอาทิ้งไปเพราะปีกข้างหนึ่งจากสองปีกของมันนั้นเป็นยาและปีกอีกข้างหนึ่งของมันเป็นโรค รายงานโดยท่านบุคอรี นะซาอี และท่านอบีดาวูด

       หะดีษนี้นับเป็นหะดีษที่รู้จักกันแพร่หลายมากที่สุด หะดีษหนึ่งในหมู่ชนมุสลิมทำให้เขาได้รู้ว่าแมลงวันนั้นเป็นสัตว์ที่ต้องระวังเพราะมันมีเชื้อโรคหรือสามารถนำโรคมาให้เราได้แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้รู้ด้วยว่าภายในแมลงวันตัวเดียวกันที่นำโรคมาให้มนุษย์นั้นกลับมียาที่จะรักษาโรคนั้นๆรวมอยู่ด้วย

      เนื่องจากมุสลิมเป็นผู้ที่ยอมรับต่อบัญชาของอัลลอฮ์และคำสอนของท่านศาสดามูฮัมมัดอยู่แล้วและพร้อมที่จะปฏิบัติตามได้ทันทีโดยไม่สงสัยในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าและศาสดาของพระอง์บอกเลยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และมันมีเชื้อโรคจริงๆ หรือไม่ ถ้าจริงคืออะไร ชนิดใด และมียารักษาโรคนั้นจริงหรือไม่ ถ้าจริงคือชนิดใดและอยู่ที่ไหน? นั่นแหละคือความศรัทธามั่นของบรรดามุสลิมที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขา
      แต่อย่างไรก็ตามน่าจะเป็นการดีว่า ถ้าเราจะสามารถรู้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันคืออะไรแน่เพราะนี่คือโอกาสทองของบรรดามุสลิมที่ได้รู้คำตอบที่ถูกต้องไว้เรียบร้อยแล้วเหลือเพียงหาสาเหตุที่เป็นจริง ๆ ให้พบเท่านั้น เขาก็สามารถจะรู้ได้โดยง่ายดาย การค้นคว้าในสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพราะเราไม่เชื่อถือในสิ่งที่พระองค์บอกแต่เป็นเพราะเราจะได้ทำตามสิ่งที่พระองค์สั่งเรา อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือการพิจารณาสังเกตสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงสร้างและความมหัศจรรย์ของมันซึ่งจะยิ่งเพิ่มพูนความศรัทธาแก่เราให้มากยิ่งขึ้นและช่วยให้มุสลิมเราได้มีความรู้ความสามารถขึ้นกว่าเดิม แข็งแกร่งกว่าเดิมสามารถที่จะทำให้ศาสนาของพระองค์เป็นที่ยอมรับกันมากยิ่งขึ้นไป การกระทำเช่นนี้จึงเป็นการทำดีต่อพระผู้เป็นเจ้าและศาสนาของเราอีกทางหนึ่ง นอกเหนือไปจากการละหมาด การถือศีลอด การจ่ายซะกาต หรือการทำฮัจย์ก็ตาม สมควรที่พวกเราควรตั้งใจทำกันให้มาก ๆ เพื่อศาสนาของเราเอง
      แมลงวันเป็นสัตย์ที่อยู่คู่กับโลกมานานแล้ว และเป็นที่คุ้นเคยกับคนทั่ว ๆ ไป แต่อย่างไรก็ตามไม่ค่อยได้มีใครรู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันเท่าไรนัก
      แมลงวันบ้าน มีชื่อทางภาษาอังกฤษว่า HOUSE FLY และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Musca domestica จัดเป็นแมลงชนิดหนึ่ง ขนาดเล็ก ประกอบด้วย สามส่วนคือ ส่วนที่หนึ่งคือส่วนหัว (Head) ซึ่งจะมีปากไว้ดูดอาหารได้ ส่วนที่สองคือส่วนอก (Thorax) จะประกอบด้วยปล้องสามปล้องและมีขาคู่หนึ่งออกมาในแต่ละปล้อง จึงมีขางอกออกมาทั้งหมดหกขาและปีกสองปีกอยู่เหนือขาปล้องกลาง ส่วนที่สามคือส่วนท้องหรือลำตัว (Abdomen) ซึ่งจะมีกระเพาะอาหาร ลำไส้ และระบบย่อยอาหารอยู่ภายในด้านข้างของลำตัวจะมีท่าหายใจโผล่ออกมาเป็นแถว ๆ ท่อที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่บริเวณส่วนอกใต้ปีกสองข้าง ส่วนท่อเล็ก ๆ อื่น ๆ อยู่บริเวณท้อง ตัวโตเต็มวัยจะมีชีวิตประมาณ 17-29 วัน

      จากการศึกษาพบว่าส่วนมากแล้วแมลงวันจะมีเชื้อโรคติดอยู่ตามขาทั้งหกข้างและปีกทั้งสองข้างของมัน เนื่องจากชอบอยู่ในที่สกปรกและขามันมีลักษณะเป็นขน ๆ เชื้อโรคจึงติดไปกับมันโดยง่าย
      แต่ก็เป็นที่น่าแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งเช่นกันว่า เชื้อโรคเหล่านี้ไม่ได้อยู่ตลอดไปมันจะอยู่ไม่นานแล้วหายไปหมด เช่น B enteritides ที่ทำให้เกิดลำไล้อักเสบหรือโรคท้องร่วงจะอยู่ได้ไม่เกินเจ็ดวัน B typhosus ต้นเหตุของโรคไข้ไทฟอยด์อยู่ได้ไม่เกิน 6 วัน V cholera ที่ทำให้เกิดโรคอหิวาต์อยู่ได้ไม่เกิน 2 วัน หลังจากนั้นมันก็จะหายไปหมดโดยไม่มีเชื้อโรคใด ๆ หลงเหลืออยู่ นอกจากเชื้อที่อยู่เป็นปกติในลำไส้เท่านั้น
      นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าต่อมาจนพบว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะในลำไส้ของแมลงวันมีไวรัสชนิดหนึ่งอาศัยอยู่และไวรัสชนิดนี้เองที่เป็นตัวจับแบคทีเรียทั้งหมดนี้ และปล่อยดีเอ็นเอของมันเข้าไปในเซลล์เชื้อโรคเหล่านี้จึงต้องผลิตแต่ตัวไวรัสชนิดนี้ออกมาจนตัวเชื้อโรคเองต้องแตกออกและตายไปในที่สุด

      ไวรัสชนิดนี้จึงมีชื่อว่าแบคเทริโอเฟจ (Bacteriophage) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า เฟจ (Phage) แปลว่าผู้ฆ่าแบคทีเรียนั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่รู้จักกันดีและได้ถูกใช้นำมาฆ่าเชื้อโรคที่ทำอันตรายมนุษย์เป็นเวลาช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นอเล็กซานเดอร์เฟลมมิง คิดค้นยาปฏิชีวนะคือยาเพนิซิลลินขึ้นมาได้เป็นครั้งแรก ก็เลยทำให้แบคเทริโอเฟจ ค่อย ๆ เสื่อมความนิยมลงไปและไม่ค่อยมีการค้นคว้าเกี่ยวกับมันอีก นอกจากในประเทศรัสเซียซึ่งยังมีการค้นคว้ากันอยู่
      นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อาศัยร่วมในลำไส้ของแมลงวันแต่ไม่ทำอันตรายแมลงวันนั้นก็มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคด้วยเช่นเดียวกัน โดยเป็นพวกเชื้อราบางชนิดเขาเรียกพวกนี้ว่า ไมโครไบโอตา (Microbiota) ซึ่งหมายถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ๆ นั่นเอง

      วิธีการฆ่าตัวเชื้อโรคของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็โดยการไหลออกมาตามท่าหายในที่อยู่ข้างลำตัวมั่นนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าหายในที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ตรงบริเวณหน้าอกใต้ปีกของแมลงวันเอง
      เมื่อแมลงวันถูกกดให้จมน้ำมันจะสำลักและขย้อนเอาของที่อยู่ในลำไส้ของมันออกมาซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ แบคเทริโอเฟจและในขณะเดียวกันก็ยังมีไมโครไบโอตา ที่ถูกขับออกมาทางท่อหายใจออกมาฆ่าเชื้อโรคด้วย

      ดังนั้นการที่แมลงวันตกลงไปในน้ำ จึงทำให้น้ำนั้นมีเชื้อโรคแต่เมื่อกดแมลงวันนั้นให้จม สารกำจัดโรคก็จะออกมาฆ่าเชื้อโรคเหล่านั้นได้ และสารนั้นก็อยู่บริเวณโคนปีกของแมลงวันนั่นเอง สมจริงดังคำบอกเล่าของท่านศาสดาที่กล่าวไว้เมื่อพันสี่ร้อยปีก่อน ทั้ง ๆ ที่ในสมัยนั้นยังไม่มีใครรู้จักตัวเชื้อโรคและแน่นอนไม่มีใครรู้จักสารฆ่าเชื้อโรคด้วยซ้ำไป แม้แต่วิทยาการสมัยใหม่ก็เพิ่งรู้จักมันเมื่อประมาณร้อยกว่าปีมานี่เอง


      สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีของการมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้ทรงรู้ในสิ่งที่มนุษย์ไม่รู้และคำสอนของศาสดาของพระองค์นั้นก็สมจริงและมีประโยชน์ยิ่งต่อบรรดาผู้ศรัทธาและทำตามพระองค์ เราทั้งหมดจึงควรทำตามที่พระองค์สั่งสอนให้ทุก ๆ อย่าง ทั้งนี้เพื่อความสุขอันสถาพรทั้งในโลกนี้และในโลกหน้าตลอดไป วัสลามฯ

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โรคมีเนีย menier’s disease





โรคมีเนีย menier’s disease





ลัยลา เป็นหญิงอายุ 48 ปี อาชีพรับราชการ เธอสังเกตว่ามีเสียงดังในหูด้านขวาเหมือนจักจั่นหรือจิ้งหรีดร้องมานานประมาณ 1 เดือน วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังนั่งคุยกับเพื่อนร่วมงาน เธอมีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน เหงือออกและหูอื้อ ขณะที่เธอมีอาการเวียนศีรษะ เธอรู้สึกคล้ายกับว่ามีแรงดันอยู่ภายในหูด้านขวาด้วย เธอจึงไปพบแพทย์ทางด้านหู คอ จมูก ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

หลังจากได้รับการซักประวัติและตรวจร่างกายแล้ว แพทย์กล่าวว่า “คุณเป็นโรคมีเนีย (menier’s disease) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่อาจพบได้ในคนที่เป็นโรคซิฟิลิสและคนที่เป็นโรคหูหนวก โดยอาจจะเป็นที่หูข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ แต่ระยะแรกอาจจะเป็นที่หูข้างใดข้างหนึ่งก่อน แต่เมื่อเป็นนานๆ จะมีโอกาสให้หูอีกข้างหนึ่งเป็นร่วมด้วย
สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการที่ของเหลวซึ่งอยู่ภายในของเยื่อหุ้มหูชั้นใน ในส่วนที่มีลักษณะคล้ายก้นหอยทำหน้าที่รับเสียงและส่วนอวัยวะรูปเกือกม้า 3 อัน ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัวมีของเหลวคั่งมาก การไหลเวียนจึงไม่สะดวก ทำให้เกิดแรงดันในหูชั้นในเพิ่มขึ้น จนไปขัดขวางการทำงานของกระแสประสาทที่เกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัว จึงสูญเสียการได้ยินและความสมดุลย์ ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ยิ่งแรงดันเพิ่มสูงมากขึ้นเท่าใด ยิ่งทำให้หูข้างที่เป็นมีอาการเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าเป็นเพียงชั่วคราวจะสามารถกลับมาได้ยินเสียงตามปกติได้ แต่ถ้าเป็นบ่อยๆ และเป็นนานๆ จะเกิดอาการหูอื้ออย่างถาวร จนกระทั้งหูหนวกไปเลยก็ได้
ลัยลาถามแพทย์ว่า “หูมีกี่ชั้นค่ะและถ้าจะให้หายขาดจากการเป็นโรคนี้จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างคะ แพทย์ตอบว่า หูประกอบด้วย หูชั้นนอก หูชั้นกลาง และหูชั้นใน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ส่วนที่เป็นกระดูก และส่วนทีเป็นเยื่อหุ้มภายในโดยส่วนที่เป็นกระดูกห่อหุ้มส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายในซึ่งมีของเหลวอยู่ การเกิดโรคมีเนียเกิดจากของเหลวอยู่ซึ่งอยู่ภายในคั่งมาก เกิดการไหลเวียนไม่สะดวกจึงมีแรงดันเพิ่มสูงมากขึ้น ดังนั้นหมอจะให้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดการบวมและคั่งของน้ำในหูชั้นใน ให้ยาลดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ให้ยากล่อมประสาทและยานอนหลับเพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สามารถนอนหลับได้เป็นปกติและให้ยาขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยลดอาการบวมและคั่งของน้ำในหูชั้นในเพื่อการรักษาโรคนี้ อย่างไรก็ตามยังคงมีความสำคัญในการปฏิบัติตัวเพื่อลดอาการของโรคโดยจะต้องลดอาหารเค็ม งดชา กาแฟ สุรา บุหรี่ ลดภาวะเครียด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีคลายเครียด 



           
                ไลลาเป็นหญิงอายุ 35 ปี ทำงานในรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง เธอมีอาการเครียดมาก ท้องเสีย และอ่อนเพลีย  เนื่องจากเธอได้มีปากเสียงกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงานบ่อย เธอจึงไปโรงพยาบาลเพื่อขอรับน้ำเกลือเข้าทางหลอดเลือด หลังจากได้รับการซักประวัติและตรวจร่างกายแล้ว  แพทย์กล่าวว่า คุณกำลังผจญกับความเครียด ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็น ๆ หาย ๆ จะกลายเป็นโรคเครียด
 
          เมื่อเกิดภาวะเครียด ร่างกายและจิตใจย่อมอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อม 2 แบบ คือ แบบหนีหรือแบบสู้ เนื่องจากสมองได้ส่งสัญญาณให้ต่อมหมวกไต หลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียด ชื่อ อะดรีนาลีน ออกมาในช่วงสั้น ๆ เพื่อเตรียมต่อสู้หรือหนี  โดยฮอร์โมนจะทำให้ตับเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลออกสู่กระแสเลือดทำให้หัวใจเต้นแรง  หลอดเลือดบีบตัว  ความดันเลือดสูงขึ้น  แต่ถ้าเครียดอยู่ตลอดเวลา ภูมิคุ้มกันโรคจะลดลง ทำให้เป็นภูมิแพ้ เป็นหวัด เจ็บป่วยบ่อย มีผืนคัน ลมพิษ ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ  ปวดหลัง ปวดเสียดในท้อง  เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ  ท้องผูกสลับกับท้องเดิน  นอนไม่หลับ ชอบขบฟันกัดฟัน  ขากรรไกรแข็ง เป็นโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูงได้
 
          แต่อาการอาการเครียดที่คุณกำลังเป็นอยู่นั้นเป็นช่วงสั้น ๆ ร่างกายจึงยังไม่ผิดปกติมากนัก  จะขอแนะนำให้ใช้วิธีคลายเครียด ซึ่งมีอยู่หลายวิธี  ได้แก่  พยายามทบทวนปัญหา ขบคิด หาลู่ทางแก้ไข แบ่งเวลาในการทำงานไม่ให้มีกิจกรรมแน่นมากเกินไป เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์เฉพาะหน้า  มีเอกสารและของใช้สำรองไว้เผื่อหาย  ขจัดปัญหาหนี้สินในครอบครัวให้หมดไป รับประทานอาหารให้เป็นเวลา รับประทานอาหารประเภทผักให้มากกว่าเนื้อสัตว์  บริหารร่างกายด้วยการเดินเร็ว ๆ  วันละ 20 นาที  สัปดาห์ละ 3 ครั้ง บริหารกล้ามเนื้อคอ 10 ครั้ง โดยหายใจเข้าออก ลึก ๆ ช้า ๆ จนอากาศเต็มปอด ก้มศีรษะมาด้านหน้า  ผ่อนลมหายใจออก แหงนหน้าทิ้งศีรษะไปด้านหลัง เอียงศีรษะมาชิดกับหัวไหล่ด้านขวาและซ้ายตามลำดับ
 
          ส่วนการบริหารกล้ามเนื้อศีรษะนั้นให้ก้มศีรษะมาด้านหน้าช้า ๆ โดยใช้คอเป็นแกนกลาง หมุนศีรษะไปตามเข็มนาฬิกา 3 ครั้ง ขณะที่เริ่มหมุนศีรษะให้หายใจเข้าให้เต็มที่และกลั้นไว้ จนเมื่อหันหน้ากลับมาที่เดิม  จึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่าง ช้า ๆ  ท่านี้ไม่ควรทำสำหรับคนที่มีปัญหาการทรงตัวหรือความผิดปกติทางหู และที่สำคัญจะต้องมีจิตใจที่สงบด้วยการปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วน”  ไลลา นำท่าบริหารคอและศีรษะมาใช้และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ทุกประการ เธอจึงมีอาการดีขึ้นตามลำดับ


วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ดอกเบี้ยกับซะกาต


ดอกเบี้ยกับซะกาต





         
ในระบบทุนนิยมที่วางพื้นฐานอยู่บนระบบดอกเบี้ยและมีกำไรเป็นแรงจูงใจในการทำธุรกิจ หากนักธุรกิจคิดจะลงทุนทำอะไรสักอย่างหนึ่ง นักธุรกิจก็จะต้องนำปัจจัยทั้งสองมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจสำหรับคนที่มีเงินทุนเป็นของตนเอง ถ้ากำไรที่ได้ต่ำกว่าหรือเท่ากับดอกเบี้ยเขาก็จะไม่ลงทุนถึงแม้ว่าโครงการนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมก็ตามเพราะถ้าเขาเอาเงินฝากธนาคารเขาก็จะได้ดอกเบี้ยตอบแทนโดยไม่ต้องเหนื่อยและไม่ต้องเสี่ยง ยิ่งถ้าต้องไปกู้ด้วยแล้วไม่จำเป็นต้องพูดถึง เมื่อเป็นเช่นนี้การลงทุนก็ไม่เกิดขึ้นในสังคม เมื่อไม่มีการลงทุนก็ย่อมไม่มีการจ้างงาน ไม่มีการกระจายรายได้และไม่มีการเจริญเติบโตเป็นธรรมดา
 
          ดังนั้นถ้าหากว่าจะมีการลงทุนนักธุรกิจก็จะต้องบวกกำไรให้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ย ราคาสินค้าก็จะสูงเพราะมีดอกเบี้ยเป็นต้นทุนอยู่ด้วย คนที่รับภาระจ่ายดอกเบี้ยก็คือผู้บริโภคซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากคนจนที่ไม่มีเงินฝากในธนาคาร แต่คนที่ได้เปรียบก็คือคนที่มีเงินล้านฝากเพื่อกินดอกเบี้ยอยู่ในธนาคาร

         
ในระบบดอกเบี้ยถ้าหากใครมีเงินฝากอยู่ในธนาคาร 10 ล้านบาท ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
8 %
ภายในหนึ่งปีคนผู้นั้นก็จะมีรายได้จากดอกเบี้ย 8 แสนบาท โดยไม่ต้องทำงานและไม่ต้องเสี่ยงใดๆ เงินจำนวนนี้มาจากนักธุรกิจและผู้บริโภคที่ต้องดิ้นรนหามาให้เขาผ่านทางระบบธนาคาร เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงคนเหล่านี้จะสูญเสียรายได้จากดอกเบี้ยและจะออกมาร้องเอะอะโวยวายและเนื่องจากคนที่ร่ำรวยมั่งคั่งมักจะมีอิทธิพลทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงต้องหาทางช่วยคนพวกนี้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การขายพันธบัตรที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเป็นต้น แต่ในที่สุดแล้วดอกเบี้ยที่นำมาจ่ายให้เจ้าของพันธบัตรก็คือภาษีจากประชาชนนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ระบบดอกเบี้ยจึงเป็นระบบที่เอาเปรียบและกดขี่ขูดรีดคนยากจน

         
หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรปในศตวรรษที่ 19 ระบบทุนนิยมได้ถ่างช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้กว้างมากขึ้น ประชาชนในหลายประเทศได้เห็นความไม่เป็นธรรมดังกล่าวจึงได้ร่วมกันลุกขึ้นปฏิวัติหรือไม่ก็ยึดกิจการของเอกชนเข้าเป็นของรัฐและนำเอาระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์เข้ามาใช้แทนระบบทุนนิยมโดยหวังว่าระบบนี้จะเป็นยาขนานเอกที่ช่วยเยียวยารักษาความเจ็บปวดจากการถูกกดขี่ขูดรีดในระบบทุนนิยมได้ แต่ในศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา กาลเวลาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าลัทธิคอมมิวนิสต์เองนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้สังคมได้รับความเป็นธรรมตามอุดมการณ์จริงๆ แล้วยังทำให้ชาวโลกนับร้อยนับพันล้านคนในประเทศต่างๆ ต้องรับการกดขี่ขูดรีดและต้องล้มตายลงไปจากการช่วงชิงอำนาจการเมืองกันเองในหมู่ผู้นำและการต่อสู้กับระบบทุนนิยม จนในปัจจุบันนี้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ได้ผ่อนคลายหลักการและท่าทีของตนเองลงไปมากหรือในบางประเทศก็เลิกใช้อุดมการณ์นี้ไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงเหลือทิ้งไว้จากการต่อสู้ของสองอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกันก็คือความไม่เป็นธรรมทางสังคมอีกนั่นเอง

อิสลาม : ทางเลือกที่สันติและเป็นธรรม
         
เพื่อขจัดความขัดแย้งทางสังคมและเพื่อสร้างความเป็นธรรมขึ้นในระบบเศรษฐกิจอิสลามได้เสนอเสรีภาพในการประกอบอาชีพและการแสวงหากำไรให้แก่มนุษย์ในขณะทีระบบคอมมิวนิสต์ไม่เปิดโอกาสให้ ขณะเดียวกันอิสลามก็เสนอให้ทำลายระบบดอกเบี้ยซึ่งเป็นรากเง่าของการกดขี่ขูดรีดในระบบทุนนิยมเสียเพื่อมิให้คนมั่งคั่งร่ำรวยได้เปรียบคนยากจน โดยไม่ต้องออกแรงทำงานนอกจากนี้แล้วอิสลามยังกำหนดไว้อีกว่าหากในแต่ละปีใครมีทรัพย์สิน เช่น เงิน ทองคำ หุ้น และสินค้ามูลค่าเท่ากับราคาทองคำหนัก 5.6 บาท ขึ้นไปจะต้องจ่าย 2.5 % ของทรัพย์สินดังกล่าวเป็นซะกาตแก่บุคคล 8 ประเภท ที่ศาสนากำหนดไว้ เช่น คนยากจน คนขัดสน คนมีหนี้สิน เป็นต้น

         
ดังนั้นหากมุสลิมคนใดมีเงินฝากธนาคารสมมุติว่า 10 ล้านบาท เพื่อเอาดอกเบี้ยไปกินไปใช้เป็นการส่วนตัวนั่นก็หมายความว่าเขายอมรับบาปที่หนักเท่ากับการผิดประเวณีกับแม่ของตัวเอง นอกจากจะรับดอกเบี้ยไม่ได้แล้วเขายังมีหน้าที่ทางศาสนาที่จะต้องจ่ายซะกาตอีก 2.5 % ทุกปีด้วย
 
          ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอยผู้คนจะจับจ่ายใช้สอยกันน้อยลง จึงไม่มีใครคิดที่จะลงทุนเพราะความเสี่ยงสูงถึงแม้ดอกเบี้ยจะต่ำก็ตามที่ ดังนั้นเศรษฐกิจที่ถดถอยอยู่แล้วก็ยิ่งถดถอยหนักยิ่งขึ้นและในระบบทุนนิยมนั้นไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะผลักดันเงินของเศรษฐีที่นอนอยู่เฉยๆ ให้ออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่ในอิสลามข้อกำหนดเรื่องการจ่ายซะกาตนี้จะผลักดันให้เงินออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพราะถ้าหากใครเก็บเงินไว้เฉยๆ โดยไม่นำออกมาหารายได้ให้เพิ่มพูนขึ้น ซะกาตก็จะกินทรัพย์สินของเขาไปปีละ 2.5 % ทุกปี ดังนั้นถ้าหากมีการลงทุนใดๆ ที่จะให้กำไร 2.5 % ขึ้นไป เขาก็จะนำเงินออกมาลงทุนเพื่อให้มีรายได้เข้ามาชดเชยซะกาตที่เขาจะต้องจ่าย ด้วยเหตุนี้ในระบบอิสลามซะกาตจึงเป็นกลไกอันหนึ่งที่จะผลักดันเงินที่ออมอยู่นิ่งๆของคนที่มั่งมีออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอยู่ตลอดเวลา

         
ระบบเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะผลักดันความมั่งคั่งของคนมั่งมีให้ออกมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ ภาษีมรดกและภาษีทรัพย์สินก็เป็นฝันที่ค้างกันมานับยี่สิบปี ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลทำได้ก็คือการไปกู้เงินจากต่างประเทศหรือกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศเข้ามาอัดฉีดลงไปในระบบเศรษฐกิจ แต่ผลที่ตามมาก็คือรัฐบาลต้องมีหนี้สินมากขึ้นและคนที่ต้องชำระหนี้สินก็คือประชาชนผู้จ่ายภาษีอีกนั่นเองไม่ใช่เศรษฐี

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ช็อกโกแลต
ลดเสี่ยงเส้นเลือดตีบ

          นักวิจัยที่สถาบันคาโรลินสกา (Karolinska Institute) ในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ได้ติดตามศึกษากลุ่มตัวอย่างผู้ชายสวีเดน ที่อายุระหว่าง 45 ถึง 79 ปี มากกว่า 37,000 คน เป็นเวลาประมาณ 10 ปี ด้วยการให้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับอาหารการกินต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบผู้ชายกลุ่มที่กินช็อกโกแลตอาทิตย์ละประมาณ 63 กรัม มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ที่เป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดการเป็นอัมพฤกษ์ อัมภาพ น้อยกว่ากลุ่มที่กินช็อกโกแลตน้อยหรือไม่กินเลยถึง 17 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเวลาและถ้ากินในระดับ 50 กรัมต่อสัปดาห์ ก็ยังช่วยลดอัตราเสี่ยงได้ถึง 14 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน

         แม้งานวิจัยก่อนหน้านี้จะบุว่า การรับประทาน "ดาร์กช็อกโกแลต" มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมควรคู่กับอาหารครบ 5 หมู่ แต่ช็อกโกแลตที่ใช้การทดลองครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นช็อกโกแลตนม เนื่องจากเป็นที่นิยมในสวีเดน เพื่อสนับสนุนผลการศึกษาดังกล่าว นักวิจัยได้นำข้อมูลมารวมกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ 4 ครั้ง ซึ่งรวมถึงผลการศึกษาชิ้นที่เกือบเหมือนกันมากที่ศึกษาในผู้หญิง เมื่อปี 2554 และผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่นำมารวมกันซ้ำอีกครั้ง ได้ผลที่คล้ายคลึงกัน ผู้ชายและผู้หญิงที่กินช็อกโกแลตมากมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบน้อยกว่าถึง 19 เปอร์เซ็นต์

        ผลการศึกษาชิ้นนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากสภาการวิจัยสวีเดน และตีพิมพ์ในวารสารนิวโรโลจี ฉบับ วันที่ 26 สิงหาคม นับเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อีกชิ้นหนึ่งที่สนับสนุนข้อมูลที่ว่าช็อกโกแลตหรือโกโก้ มีส่วนประกอบบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อหัวใจและเส้นเลือด

         โกโก้นั้นมีส่วนประกอบของฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติลดความดันโลหิต เพิ่มไขมันดีหรือเอชดีแอลและช่วยให้การทำงานของหลอดเลือดดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้เลือดไม่แข็งตัวเป็นลิ่ม ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการหัวใจวายหรือเส้นเลือดตีบ

       

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หลักการและเหตุผล kanom raya



            ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้ระบอบประชาธิปไตยในการดำเนินชีวิต ความเป็นอยู่ของคนไทยส่วนใหญ่ก็เป็นไปอย่างอิสระเสรี ซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายในด้านต่างๆเช่น ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา และสำเนียงในแต่ละภาค ทำให้ในแต่ละภาค แต่ละพื้นที่ ของประเทศไทยนั้นมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และเนื่องด้วยความเป็นเมืองพุทธ ที่มีประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนั้น ทำให้ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม ที่เป็นส่วนน้อยมีความโดดเด่นขึ้นมาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การแต่งกาย ภาษา วันสำคัญ และอาหารการกิน                                                
     
            ซึ่งถ้าพูดถึงวันสำคัญทางศาสนาอิสลามแล้ว จะมีวันอีดอยู่ด้วยกันเพียง 2 วันเท่านั้น คือ วันอารีราอีดิ้ลฟิตรีและวันฮารีรายาอีดิ้ลอัฎฮา วันทั้งสองนี้ จะเป็นวันที่มุสลิมทั้งหมด จะมารวมตัวที่มัสยิด พบปะญาติพี่น้อง สังสรรค์กันอย่างมีความสุข ถือเป็นวันที่ชาวมุสลิมให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และเมื่อถึงวันนี้สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึง และเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างที่ขาดไมได้ นั่นก็คือ ขนมรายาเป็นขนมที่นำมารับประทานกันขนมรายาที่มีความโดดเด่นทั้งรูปร่างเละรสชาติมีหลายชนิดเช่น ขนมไข่  ขนมดอกจอก ขนมทองพับ(เปด)   ขนมบุหงาบูดะ ขนมเขาควาย และอื่นๆอีกมากมาย

            ดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงสนใจ และมีความประสงค์ที่จะนำเสนอ รายละเอียดที่เกี่ยวกับขนมรายา ไม่ว่าจะเป็น วีธีทำขนมรายาอย่างละเอียด รูปภาพประกอบในการทำขนมรายา วีดีโอการทำขนม ซึ่งคณะผู้จัดทำจะทำออกมาในรูปแบบของเว็บล็อก เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจได้รู้จักขนมรายาอย่างแพร่หลาย และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ได้อย่างเหมาะสม